hkjhkjhkjh
เลือกดีได้ประโยชน์สูงสุด👍👍
ข้อควรรู้ และคำแนะนำ ก่อนจะเลือกทาน"เห็ดหลินจือ"
รูปแบบของการทาน แบ่งเป็น 3 แบบคือ
▶️1.แบบต้ม
โดยการนำ "เห็ดหลินจือ" ตากแห้ง แล้วนำมาต้ม เคี่ยว ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สะดวก และเสี่ยงเชื้อราสูง ได้ตัวยาสำคัญน้อยมาก เพียงแค่20-30%
▶️2.แบบบด
บรรจุแคปซูล "เห็ดหลินจือ" ที่นำมาบดเป็นผงบรรจุแคปซูล หากไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ หรือกรรมวิธีที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจทำให้มีเชื้อราปนเปื้อนได้ โดยรูปแบบนี้ จะมีความเข้มข้นน้อย ดูดซึมยาก ร่างกายไม่สามารถย่อย ดึงสารสำคัญนำไปใช้ได้น้อยมากเนื่องจากยังไม่ได้ผ่านขบวนการสกัดคัดแยกเอาสารสำคัญออกมา วิธีนี้ไม่นิยมให้ทาน เสี่ยงตกค้างในร่างกายสูง
▶️3.แบบสกัด
วิธีนี้ ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การสกัดเย็น สารสกัดที่เข้มข้น จะมีสรรพคุณที่ดีกว่า ดูดซึม และออกฤทธิ์ได้ดีกว่า ที่สำคัญก็คือ มีมาตรฐานการผลิตที่สะอาด และปลอดภัย ทานเข้าไปร่างกายดูดซึมไปใช้ได้เลย
สำหรับ ผลข้างเคียง หลังทาน"เห็ดหลินจือ" สำหรับผู้ที่เริ่มทานใหม่ๆ "เห็ดหลินจือ" ในช่วงแรก อาจรู้สึกเวียนศีรษะ อาเจียน ง่วงนอน ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ เกิดอาการท้องผูก ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อย ผิวหนังเกิดอาการคัน เป็นต้น
แต่ก็ถือเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ที่เป็นเรื่องปกติของการบำบัดด้วยสมุนไพร คือ เมื่อตัวยาเข้าไปในร่างกาย ก็จะเข้าไปชำระล้างสารพิษต่าง ๆ ให้สลาย หรือเคลื่อนย้ายไปเพื่อช่วยในการขับสารพิษ ออกจากร่างกาย จึงทำให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติดังกล่าว ซึ่งอาการเช่นนี้ จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 2-7 วัน ก็จะกลับสู่สภาวะปกติ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน)
แต่หากมีอาการมากเกินไป ก็สามารถลดปริมาณลง จนกว่าอาการจะเป็นปกติ และให้กินเพิ่มปริมาณการกินได้ ตามคำแนะนำต่อไป
สำหรับผู้ป่วย ที่กำลังรักษาตัว ด้วยวิธีแพทย์แผนปัจจุบัน หรือกำลังทานยา (ตามที่แพทย์สั่ง) ก็สามารถกิน "เห็ดหลินจือ" ควบคู่ไปด้วยได้ เพื่อเสริมการรักษา เราเรียกการรักษาในลักษณะนี้ว่า "การแพทย์แบบผสมผสาน" โดยให้ทานห่างจากยาแพทย์ 1 ชั่วโมง
(แหล่งข้อมูลอ้างอิง : นพ.นิวัฒน์ ศิตวัฒน์ , รศ.พญ.นริสา ฟูตระกูล , นพ.บรรเจิด ตันติวิท
เลือกดีได้ประโยชน์สูงสุด👍👍
ข้อควรรู้ และคำแนะนำ ก่อนจะเลือกทาน"เห็ดหลินจือ"
รูปแบบของการทาน แบ่งเป็น 3 แบบคือ
▶️1.แบบต้ม
โดยการนำ "เห็ดหลินจือ" ตากแห้ง แล้วนำมาต้ม เคี่ยว ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สะดวก และเสี่ยงเชื้อราสูง ได้ตัวยาสำคัญน้อยมาก เพียงแค่20-30%
▶️2.แบบบด
บรรจุแคปซูล "เห็ดหลินจือ" ที่นำมาบดเป็นผงบรรจุแคปซูล หากไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ หรือกรรมวิธีที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจทำให้มีเชื้อราปนเปื้อนได้ โดยรูปแบบนี้ จะมีความเข้มข้นน้อย ดูดซึมยาก ร่างกายไม่สามารถย่อย ดึงสารสำคัญนำไปใช้ได้น้อยมากเนื่องจากยังไม่ได้ผ่านขบวนการสกัดคัดแยกเอาสารสำคัญออกมา วิธีนี้ไม่นิยมให้ทาน เสี่ยงตกค้างในร่างกายสูง
▶️3.แบบสกัด
วิธีนี้ ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การสกัดเย็น สารสกัดที่เข้มข้น จะมีสรรพคุณที่ดีกว่า ดูดซึม และออกฤทธิ์ได้ดีกว่า ที่สำคัญก็คือ มีมาตรฐานการผลิตที่สะอาด และปลอดภัย ทานเข้าไปร่างกายดูดซึมไปใช้ได้เลย
สำหรับ ผลข้างเคียง หลังทาน"เห็ดหลินจือ" สำหรับผู้ที่เริ่มทานใหม่ๆ "เห็ดหลินจือ" ในช่วงแรก อาจรู้สึกเวียนศีรษะ อาเจียน ง่วงนอน ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ เกิดอาการท้องผูก ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อย ผิวหนังเกิดอาการคัน เป็นต้น
แต่ก็ถือเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ที่เป็นเรื่องปกติของการบำบัดด้วยสมุนไพร คือ เมื่อตัวยาเข้าไปในร่างกาย ก็จะเข้าไปชำระล้างสารพิษต่าง ๆ ให้สลาย หรือเคลื่อนย้ายไปเพื่อช่วยในการขับสารพิษ ออกจากร่างกาย จึงทำให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติดังกล่าว ซึ่งอาการเช่นนี้ จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 2-7 วัน ก็จะกลับสู่สภาวะปกติ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน)
แต่หากมีอาการมากเกินไป ก็สามารถลดปริมาณลง จนกว่าอาการจะเป็นปกติ และให้กินเพิ่มปริมาณการกินได้ ตามคำแนะนำต่อไป
สำหรับผู้ป่วย ที่กำลังรักษาตัว ด้วยวิธีแพทย์แผนปัจจุบัน หรือกำลังทานยา (ตามที่แพทย์สั่ง) ก็สามารถกิน "เห็ดหลินจือ" ควบคู่ไปด้วยได้ เพื่อเสริมการรักษา เราเรียกการรักษาในลักษณะนี้ว่า "การแพทย์แบบผสมผสาน" โดยให้ทานห่างจากยาแพทย์ 1 ชั่วโมง
(แหล่งข้อมูลอ้างอิง : นพ.นิวัฒน์ ศิตวัฒน์ , รศ.พญ.นริสา ฟูตระกูล , นพ.บรรเจิด ตันติวิท
แบ่งปันโดย: DD.สมาน แด๊กซิน ไลน์ไอดี: @samanloh
ความคิดเห็น