ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เห็ดหลินจือแดง รากและดอก 6 สายพันธุ์ สกัดโดยเทคโนโลยีการสกัดเย็น โดย แด๊กซิน

มหัศจรรย์เห็ดหลินจือแดง ราชาสมุนไพร
ท่ามกลางความวุ่นวายสับสนในโลกที่ทุกคนต้องวิ่งให้เร็วกว่าเข็มนาฬิกา ความเครียดจากการงาน ปัญหาครอบครัว สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ สารพันปัญหา คอยบั่นทอนสุขภาพร่างกายให้ถดถอยลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา โดยที่เราเองก็ไม่เคยหันมาใส่ใจสุขภาพ ดูแลอาหารการกิน ออกกำลังกาย หรือผ่อนคลายความตึงเครียด

ด้วยเหตุดังกล่าวจึงส่งผลให้โรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และสารพัดโรคร้ายที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ขาดความสมดุลเดินทางมาเยี่ยมเยือน
แน่นอนว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ การหันมาใส่ใจสุขภาพ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหมั่นออกกำลังกายนั่นเอง
กระนั้นก็ดี นอกจากวิธีข้างต้นแล้วการจะช่วยฟื้นฟูร่างกายที่เสื่อมโทรมมานานให้กลับมามีสุขภาพดีได้นั้นยังมีทางเลือกอื่นอีก

เห็ดหลินจือ” ถือเป็นตัวช่วยอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้เราได้สุขภาพที่ดีดังใจ

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึง “เห็ดหลินจือ” เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกันบ้างอยู่แล้ว โดยในสมัยโบราณมีการนำเห็ดหลินจือมาใช้ประโยชน์นานกว่า 2,000 ปี เนื่องจากถือว่าเป็นสมุนไพรชั้นสูงที่หายากต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปเสาะแสวงหาให้ได้มาซึ่งสรรพคุณทางยาที่สุดวิเศษ ในทางพฤกษศาสตร์พบว่า เห็ดหลินจือ แบ่งประเภทตามลักษณะของสีและรูปร่างได้ 6 ชนิดด้วยกัน คือ หลินจือแดง ดำ เหลือง ขาว เขียว และม่วง

ทว่า จากการศึกษาวิจัยพบเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ “โสม” ที่เป็นยาอายุวัฒนะ ยืดอายุให้ยืนยาว

สำหรับคุณสมบัติอันโดดเด่นของหลินจือแดงก็คือ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา บำรุงร่างกายเมื่ออ่อนเพลียหรือขณะพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งช่วยควบคุมระบบไหลเวียนโลหิตให้ไหลเวียนสะดวกมากขึ้น

หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า สรรพคุณในการป้องกันและบำบัดโรคภัยต่างๆ ที่กล่าวมามากมายเป็นภูเขาเลากานี้เป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือไม่

คำตอบก็คือ “ไม่”

ความมหัศจรรย์ของเห็ดหลินจือแดงนั้นได้รับการยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก โดยมีหลักฐานรายงานการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ในเห็ดหลินจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ ทำงานประสานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรค คืนพลังการฟื้นฟูร่างกายที่ธรรมชาติเคยมอบให้กับมนุษย์

หากจะอธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น ก็ต้องบอกว่า เห็ดหลินจือแดง สามารถฟื้นฟูอาการป่วยได้หลายโรค ซึ่งในเชิงเภสัชวิทยา เห็ดหลินจือแดงออกฤทธิ์ต่อ 5 ระบบ คือ

1.ระบบภูมิต้านทาน มีการศึกษาพบว่าในเห็ดหลินจือแดงมีสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยืดเวลาเสื่อมของเซลล์ นอกจากนี้มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการจัดการกับไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และเซลล์ก่อมะเร็ง ดังนั้นจึงช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับอาการผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน มีผลดีต่อผู้เป็นภูมิแพ้ เบาหวานที่แผลหายยาก เป็นหวัดเจ็บคอบ่อย ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง

2.ระบบหลอดเลือด เห็ดหลินจือแดง มีผลต่อช่วยขยายหลอดเลือด ลดการทำลายของสารอนุมูลอิสระที่ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว มีผลช่วยลดการเกาะตัวของไขมัน คอเลสเตอรอล หรือเกล็ดเลือดในหลอดเลือด ส่งผลให้ช่วยชะลอความแก่ไม่เพียงแต่ผิวพรรณเต่งตึงเท่านั้น แต่ชะลอการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายใน เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต เป็นต้น โดยเฉพาะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างจากสารสำคัญที่มีอยู่ในเห็ดหลินจือแดง เช่น Sterols, Ganoderic Acid ที่มีอยู่เฉพาะในเห็ดหลินจือแดงเท่านั้น
3.ระบบประสาท เห็ดหลินจือแดงจัดเป็นสารปรับสมดุล ซึ่งหมายถึงสารที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนสภาพปกติจากสิ่งต่างๆ โดยสามารถลดความตึงเครียดในสมอง ช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทำงานดีขึ้น ทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองสูงถึง 1.5 เท่า

4.ระบบต่อมไร้ท่อ ไม่ว่าจะเป็นต่อมไทรอยด์ ต่อมไทมัส ต่อมหมวกไต ต่อมลูกหมาก และที่มองข้ามไม่ได้ คือ ตับอ่อนที่หลั่งฮอร์โมนอินซูลิน พบว่าเห็ดหลินจือแดงมีสารสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ เกิดความสมดุล เช่น ผู้เป็นเบาหวานเมื่อรับประทานเห็ดหลินจือแดงจะมีสภาวะของร่างกายดีขึ้น ลดอัตราความรุนแรงของสภาวะขึ้นๆ ลงๆ ของน้ำตาล เป็นต้น ที่สำคัญเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ช่วยให้ต่อมใต้สมองหลั่งโกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone) ในขณะที่หลับ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตในเด็กและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในผู้ใหญ่ หรือฟื้นความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่เราได้

และสุดท้าย 5.ระบบเผาผลาญอาหาร หากร่างกายขาดความสมดุลนำไปสู่ความผิดปกติในหลายระบบของร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น อาจเกิดความผิดปกติในการเผาผลาญอาหารเห็ดหลินจือแดงยังมีสารที่จะเข้าไปช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อทุกระบบในร่างกาย
นอกจากนี้เห็ดหลินจือแดงยังมีคุณสมบัติเด่นในการช่วยล้างพิษ หรือขับสารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค ซึ่งอวัยวะที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ก็คือ ตับ โดยเห็ดหลินจือแดงจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของตับ ในการทำหน้าที่กำจัดสารพิษ สร้างน้ำดี ช่วยให้อาหารประเภทไขมันถูกย่อย และดูดซึมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังขับกรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็งและสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย ด้วยการขับออกทางระบบขับถ่ายทุกระบบของร่างกาย เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ และทางเหงื่อ เป็นต้น ที่สำคัญยังช่วยบำรุงไตให้ไตทำงานได้ดีขึ้น หรือในบางรายที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ก็ยังช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตด้วย

อย่างไรก็ตามกระบวนการล้างพิษของเห็ดหลินจือแดง อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดตั้งแต่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือแดงนาน 3-4 วันและอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่รับประทานติดต่อกัน โดยดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการล้างพิษ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญสามารถรับประทานร่วมกับยาแผนปัจจุบันโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ โดยสามารถรับประทานเห็ดหลินจือแดงหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อร่างกายในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎี “การแพทย์ผสมผสาน”

เมื่อมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยอีกว่า เห็ดหลินจือแดงเหมาะกับใครบ้าง บอกได้เลยว่า เห็ดหลินจือแดงเหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และสามารถรับประทานได้เป็นประจำโดยไม่มีผลเสียต่อร่างกาย และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรทานเห็ดหลินจือแดงพร้อมกับวิตามินซีและดื่มน้ำตามมากๆ ทั้งนี้วิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสาร ในเห็ดได้ดีขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจรับประทาน ปัจจุบันมีเห็ดหลินจือแดงแบบบรรจุแคปซูลซึ่งรับประทานได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกรับประทานเห็ดหลินจือแดงที่เป็นสารสกัดได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย จึงจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
 
เห็ดหลินจือแดง6 สายพันธุ์ สกัดโดยเทคโนโลยีการสกัดเย็น โดย แด๊กซิน
    สนใจสั่งซื้อ เห็ดหลินจือแดงสกัด ของแท้ จากแด๊กซิน มีจำหน่ายที่นี่คลิกเลย>>> www.daxinshopping.com    

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

16 อาการบ่งบอกโรคเมื่อเริ่มทานเห็ดหลินจือแด๊กซิน (ดอก) ฉลากสีส้ม

16 อาการบ่งบอกโรคเมื่อเริ่มทานเห็ดหลินจือแด๊กซิน (ดอก) ฉลากสีส้ม 1. มีอาการปวดกลาง ศรีษะ ถึงท้ายทอย ร่วมกับอาการมึน - ความดันต่ำ ขาดสารอาหาร ระบบเลือดหล่อเลี้ยงสมองไม่ดี 2. ปวดขมับ มึนท้ายทอย อาจมีเพียง อาการเดียว หรือทั้ง 2 อาการพร้อมกัน – ความดันสูง 3. มึนทั้งหัว พร้อมกับเวียนหัวด้วย – ความดันสูงมีไขมันในเส้นเลือดสูง 4. มีขี้ตาออกเป็นก้อน - สภาวะตับเสื่อม ทำงานขับพิษได้ไม่ดี 5. น้ำตาไหล เจ็บไหล่ซ้ายมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย - สภาวะปอดเสื่อม ระบบหายใจไม่ดี 6. ปวดไหล่ขวา มีขี้ตาออก – สภาวะปอดเสื่อม 7. น้ำมูกใส ๆ ไหลตลอดประมาณ 3-5 วัน - เป็นภูมิแพ้ , โรคไซนัส, ทางเดินหายใจอักเสบ 8. เสมหะมาก คอแห้งผาก - ระบบหลอดลม , ทางเดินหายใจ มีความสกปรก อุดตัน 9. หายใจถี่มาก ใจสั่น - มีสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ 10. จุกเสียดลิ้นปี่ หน้าอก - กระเพาะอาหาร , ลำไส้เล็กอักเสบ ระบบดูดซึมไม่ดี 11. จุกด้านหลัง,ท้องอืด,อึดอัด - ริดสีดวงทวาร การทำงานของระบบขับถ่ายและลำไส้ใหญ่ไม่ดี 12. ปวดเอว - เป็นโรคไต,ระบบขับถ่ายของเสียไม่ดี 13. ปวดหัวเหน่า - มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากเสื่อม 14. ปว...

กาแฟ Dx-Max แด๊กซิน

 วันนี้จะมาพูดถึงเรื่อง กาแฟ DX-Max 5 IN 1 ที่ผู้ชายหลายต่อหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นกาแฟสำหรับท่านชายหรือก่แฟสำหรับนกเขาไม่ขัน ดื่มแล้วทำให้ทนทาน ยืดเวลาแห่งความสุขอะไรประมาณนี้ จริงๆแล้วกาแฟตัวนี้ไม่ใช่กาแฟคนบ้ากามนะครับ คนธรรมดาก็ทานได้ สรรพคุณหลักของกาแฟ Dx-Max คือช่วยเรื่องขยายหลอดเลือดให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น และช่วยเสริมฮอร์โมนเพศชายให้รู้สึกสดชื่นไม่อ่อนเพลีย แต่ผลพลอยได้คือรู้สึกว่าสมรรณภาพทางเพศดีขึ้น(คนที่ดื่มบอก) ลองมาทำความรู้จักกาแฟ แด๊กซิน 5 in 1 กล่องสีสดใสตัวนี้กันนะครับ 1 กล่อง 10 ซอง ไม่แนะนำให้ทานทุกวันเพราะราคาค่อนข้างแพง ซองสวยมากดูแล้วเหนือกว่าซองกาแฟทั่วไป 1 ซองมี 20 กรัม สำหรับผมชอบทานผสมกับกาแฟดำแด๊กซิน 1 ซอง บวกกับ กาแฟ dxmax 3 ช้อนชา ประหยัดดี   ลองมาดูส่วนผสมสำหรับกาแฟเพื่อสุขภาพแด๊กซินตัวนี้นะครับ: 1: ตงกัตอาลี 2: Maca (มาค่า โสมเปรู)  3: Damiana สมุนไพรจาก Mexico 4: Tribulus 5: เห็ดหลินจือ ตงกัตอาลี ...สมุน ไพรชั้นยอดของมาเลเซีย และผ่านการจดสิทธิบัตรที่ปร ...

โกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone)

 ฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการหมุนเข็มนาฬิกาชีวิตกลับมา มีชื่อว่าโกรท ฮอร์โมนซึ่งเป็น “Master Hormone” หรือฮอร์โมนหลักของร่างกาย เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกันทุกระบบ และทุกการทำงานของร่างกาย มีหน้าที่ในการสร้างเนื้อเยื่อ และควบคุมการทำงานของเนื้อเยื่อ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตในวัยที่ยังโตไม่เต็มที่ และสร้างเนื้อเยื่อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย นอกจากนี้ ยังเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน ระดับโกรทฮอร์โมนในร่างกายของมนุษย์ จะถึงจุดสูงสุดเมื่อมนุษย์ย่างเข้าสู่วัยรุ่น หลังจากคนมีอายุได้ 20 ปี การผลิตโกรท ฮอร์โมนจะลดลงด้วยอัตรา 14% ทุก 10 ปี เมื่อคนเรามีอายุ 60 ปี ระดับของโกรท ฮอร์โมนในร่างกายจะมีประมาณ 25% ระดับที่เคยผลิตได้สูงสุด อาการของโกรท ฮอร์โมน ที่ลดลง สังเกตได้ตั้งแต่ กล้ามเนื้อน้อยลง ไขมันเพิ่มขึ้น ลงพุง กระดูกผุ กระดูกพรุน ไต กับปอด ทำงานไม่ดี ผิวเหี่ยวชราลง ผมหงอก ร่างกายเสื่อมสภาพลง เข้าสู่สภาวะของความแก่ชรา อวัยวะที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการลดลงของระดับโกรท ฮอร์โมน คือ หัวใจ ที่สำคัญที่สุดในร่างกาย เมื่อระดับโกรท ฮอร์โมนต่ำลง คนจะมีอัตราเสี่...