ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สเตียรอยด์ Steroids ลูกกระสุนปืนใคร

 มีข่าวออกมาบ่อยๆว่า ยาลูกกลอนหรือยาสมุนไพร มีสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นอันตรายมาก มีข่าวการตรวจจับยาสมุนไพรผสมสาร สเตียรอยด์ บ่อยๆ ทำให้มีความรู้สึกว่ายาสมุนไพรเป็นยาอันตราย ก่อนอื่นผู้เขียนใคร่ที่จะให้ผู้อ่านรู้จักเสีย ก่อนว่า สเตียรอยด์ คืออะไร
สเตียรอยด์ Steroids ตามภูมิปัญญาผู้เขียน(ขออนุญาตไม่อ่างอิงแหล่งข้อมูลใดๆ) ผู้เขียนจะแบ่ง สเตียรอยด์ ออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นโดยขอใช้ชื่อดังนี้
๑.ฮอร์โมนสเตียรอยด์ หรือ ชีวะสเตียรอยด์
๒.ไบโอสเตียรอยด์ หรือ สเตียรอยด์ตามธรรมชาติ
๓.เคมีสเตียรอยด์ หรือ ยาสเตียรอยด์
* ฮอร์โมนสเตียรอยด์ คือ สเตียรอยด์ที่ร่างกายผลิตขึ้นใช้เองในแต่ละวัน ร่างกายผลิตสเตียรอยด์ขึ้น ๒๐ - ๓๐ หน่วยในแต่ละวันเพื่อควบคุมฮอร์โมนต่างๆในร่างกายและกดภูมิคุ้มกันให้สมดุลย์รักษาความสมดุลของเกลือแร่ อีเล็กโทรไลต์และน้ำ โดยใช้ Cholesterol เป็นวัตถุในการผลิต เพราะฉะนั้นเมื่อร่างกายผลิตสเตียรอยด์ ๒๐-๓๐ หน่วย Cholesterol ย่อมหายไป ๒๐ - ๓๐ หน่วยเช่นกัน เป็นวิธีการลด Cholesterol ที่เยี่ยมยอดที่สุด แต่จะทำอย่างไรร่างกายจึงจะสร้าง ฮอร์โมนสเตียรอยด์ การผลิต สเตียรอยด์ นั้นสมองจะเป็นผู้คำนวณวัตถุดิบและสั่งการ การผลิต เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องให้สมองว่างๆ จึงผลิตสเตียรอยด์ ได้ ฮอร์โมน สเตียรอยด์จะถูกผลิตขึ้นทุกเช้าหลังจากการนอนหลับพักผ่อนมาจนเต็มที่แล้ว และตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ที่สำคัญเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว สมองยังพอมีช่องว่างพอที่จะผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ ๑๕ - ๒๐ น. วิธีง่ายๆ คือ เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าให้ทำจิตใจให้ว่างหรือทำสมาธิอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่ทำให้จิตเกิดความวิตกกังวลสมองจะว่างมีเวลาพอที่จะผลิตฮอรฺโมนสเตียรอยด์ได้ ใช้เวลาเพียง ๑๕ - ๒๐ น. ในตอนตื่นนอน สมองจะสั่งการผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์โดยต่อมหมวกไตจะนำเอา Cholesterol มาทำการเปลี่ยนให้เป็น สเตียรอยด์ คุณจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วง หงาวหาวนอนเคลื่อนไหวคล่องแคล่วไม่ติดขัด หากวันไหนร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ได้ พอสายๆสัก ๑๐.๐๐ - ๑๑.๐๐ น. จะรู้สึกอ่อนเพลีย ลืมตาไม่ขึ้นคิดอะไรไม่ออกสมองไม่ค่อยแล่น และไม่อยากทำอะไรเลย พอนานวันเข้าไขมันก็จะล้นร่างกาย

ข้อสรุปสั้นๆถึงผลของฮอร์โมนสเตียรอยด์ต่อร่างกายดังนี้

  • มีผลต่อเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
  • มีผลต่อความสมดุลของเกลือ อิเล็กโทรไลต์และน้ำ
  • มีฤทธิ์บรรเทาอาการอักเสบ
  • มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มการ
  • มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
  • มีผลต่อเลือด
  • มีผลต่อการเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์กล้ามเนื้อและกระดูก

*ไบโอสเตียรอยด์ หรือ สเตียรอยด์ธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่ในพืชทั่วไปตามธรรมชาติ โดยเฉพาะพืชประเภท หัวเหง้า มากน้อยตามชนิดของพืช สเตียรอยด์ ที่ได้จากพืชนี้ร่างกายสามารถดูดซึมเพื่อเอาไปใช้ทดแทนฮอร์โมนสเตียรอยด์ได้ทันทีเพื่อเป็นการทดแทนการขาดฮอร์โมนสเตียรอยด์หรือเมื่อมีอาการเจ็บป่วยร่างกายไม่สามารถหลั่ง สเตียรอยด์ได้เอง ไบโอ สเตียรอยด์นั้นไม่ทำให้เกิดอันตรายอย่างใดกับร่างกายเพราะผู้เขียนยังไม่เคยได้ข่าวว่ามีใครที่รับประทาน ขิง ข่า กระชาย หรือ เผือก มันตาย หรือ อาจจะเป็นความด้วยความชาญฉลาดของคนโบราณที่ไม่ได้นำหัวพืชหลายชนิดมารับประทานดิบๆและกินเล่นเปล่าๆ นอกจากจะให้นำไปต้มหรือไปกินกับอาหารหลายๆอย่างเพื่อลดความเป็นพิษลงก็ได้ อย่างเช่นการทำยาสมุนไพรที่เข้าด้วยหัวหรือเหง้าของพืชทุกชนิด (ทุกชนิดไม่ยกเว้น) ต้องนำไปนึ่งให้สุกเสียก่อนจึงตากให้แห้งแล้วบด หากอยู่ๆไปซื้อสมุนไพรสดมาหั่นๆแล้วตากบดมาเป็นผง เมื่อรับประทานเข้าไปย่อมเสี่ยงต่อความเป็นพิษ หากผู้อ่านไม่เชื่อลองไปซื้อหัวกลอยสดๆมารับประทานดู (คาดว่าคงอร่อยกันทั้งตระกูลแน่ๆ)
* เคมีสเตียรอยด์หรือยาสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นสารเคมีสกัดให้มีลักษณะคล้ายฮอร์โมนสเตียรอยด์ แพทย์แผนปัจจุบันจะใช้ยาสเตียรอยด์รักษาโรคร้ายแรงในกลุ่ม LE หรือ SLE ใช้ระงับความปวดแบบเฉียบพลันในผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ และ เอ็น แล้วก็ใช้รักษาโรคที่แพทย์ยังคิดไม่ออกว่าเป็นอะไร (จนกว่าจะนึกออก)
*ยากลุ่มสเตียรอยด์*
ถ้าสังเกตจากชื่อยาจะเห็นว่ามักลงท้ายด้วย -one หรือ -ol เสมอ ยกเว้นบางตัวดังนั้นจึงพอใช้เป็นข้อสังเกตว่ายาไหนเป็น สเตียรอยด์ เช่น

Hydrocortisone Prednisolone Triamcinolone
Fluocinolone Betamethasone Clobetsol
Desoximetasone Prednicartate Mometasone
Beclomethasone Budesonide Dexamethasone

สำหรับยาสมุนไพรที่ผสมสเตียรอยด์ที่ อ.ย.ตรวจจับได้ตามตลาดนัด(ไม่เคยจับได้ตามคลินิกแพทย์แผนไทย) ซึ่งเป็นยาปลอม ผู้เขียนเคยได้ยาลูกกลอนซึ่งตรวจพบว่ามีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เมื่อประมาณ ๔-๕ ปีก่อนลักษณะภายนอกเหมือนยาลูกกลอนทั่วไปคือลูกกลมๆขนาดเท่าเมล็ดพุทราไทย สีดำๆ ผู้เขียนลองบิยาออกดู ลักษณะภายในเม็ดยาเป็นแป้งเหนียวๆสีขาวตุ่นๆมีกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นที่เวลาเราเดินไปรอรับยาหน้าช่องรับยาของโรงพยาบาลต่างๆ คิดว่าหลายคนคงคิดออกว่ากลิ่นอย่างไรและเมื่อไม่นานมานี้ที่คลินิกแพทย์แผนไทยหมอบุณย์ ระยอง ได้พบยาแบบเดียวกันนี้โดยมีผู้ป่วยหลายท่านนำมาให้พี่หมอบุณย์ดูว่าเป็นยาอะไรเพราะกินแล้วแพ้ตัวบวมและค่อยๆอ้วนขึ้นเลื่อยๆแม้จะหยุดกินยาแล้ว ส่วนมากยาเหล่านี้ได้ซื้อมาจากผู้ขายประเภทขายตรง - ยาบอกต่อ - ยาทำบุญพระแจกมา (เป็นประเภทยาพระบอกบ้าง - ยาผีบอกบ้าง) ไม่ทราบว่า อ.ย. หรือ สคบ. มีแว่วเข้าหูบ้างหรือเปล่า แต่ผู้เขียนบังเอิญรู้มาว่ามีสินค้าประเภทยารักษาโรคที่มาจากประเทศจีน ไม่ระบุว่ารักษาโรคอะไรโดยทำเป็นเม็ดหรือลูกกลอนก็มีใส่กระสอบลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยโดยวิธีเดินเท้า สนนราคากิโลกรัมละ ๔๐๐ - ๕๐๐ บาท โดยบอกว่ารักษาได้ทุกโรค ซึ่งกินแล้วก็รู้สึกว่าเหมือนจะรักษาได้ทุกโรคจริงๆ เห็นผลเฉียบพลันผู้ที่ซื้อมาขายจะนำมาแบ่งบรรจุแล้วติดฉลากแจ้งสรรพคุณเอาเองว่าจะให้รักษาโรคอะไร มีตั้งแต่แก้ปวดเมื่อยไปจนถึงรักษาโรคเบาหวาน - ความดัน - หัวใจ - ไต หรือแม้แต่การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เรียกว่ามียานี้แล้วชาตินี้ไม่ตายแน่โดยระบุเป็นยาตำหรับของหลวงพ่อนั้น หลวงปู่นี้ ส่วนใหญ่อ้างพระที่ท่านมรณภาพไปแล้ว
(งานนี้เรียกว่าโดนเผากันทั้งพระทั้งหมอไทยเลยทีเดียวเชียว)

มี ความแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ยาที่ผลิตโดยแพทย์แผนไทยมักโดนเพ่งเล็งตรวจสอบคุณภาพอย่างเคร่งคัด ส่วนยาสมุนไพรที่หาบมาขายตามตลาดนัด ตามหาบเร่ข้างทาง หาบมาบ้าง ใส่รถเร่ขายบ้าง บางที่มียามากกว่าร้านขายยาสมุนไพรเสียอีก ผู้เขียนก็ยังงงๆ กับเรื่องนี้อยู่ เอาเป็นว่าฝากผู้อ่านและผู้บริโภคเอาไว้ให้ใช้ดุลพินิจ วิเคราะห์ทำความให้เข้าใจเสียก่อน ก่อนตัดสินใจเชื่ออะไรง่ายๆ ก็แล้วกัน


ขอขอบคุณคลินิกแพทย์แผนไทยหมอบุณย์ ระยองครับที่เอื้อเฟื้อข้อมูลบางส่วน

ขอให้ทุกท่านโชคดี
Wizardofheavenry

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ และการใช้สมุนไพรไทย 086 023 7109
ที่มา:http://mohchat.exteen.com/20091107/steroids
😉😉😉
Cr.DD.สมาน เลาะ 
นักธุรกิจแด๊กซิน ผู้บริหารการขายระดับเพชร
(ตัวแทนจำหน่ายแดซิน)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

16 อาการบ่งบอกโรคเมื่อเริ่มทานเห็ดหลินจือแด๊กซิน (ดอก) ฉลากสีส้ม

16 อาการบ่งบอกโรคเมื่อเริ่มทานเห็ดหลินจือแด๊กซิน (ดอก) ฉลากสีส้ม 1. มีอาการปวดกลาง ศรีษะ ถึงท้ายทอย ร่วมกับอาการมึน - ความดันต่ำ ขาดสารอาหาร ระบบเลือดหล่อเลี้ยงสมองไม่ดี 2. ปวดขมับ มึนท้ายทอย อาจมีเพียง อาการเดียว หรือทั้ง 2 อาการพร้อมกัน – ความดันสูง 3. มึนทั้งหัว พร้อมกับเวียนหัวด้วย – ความดันสูงมีไขมันในเส้นเลือดสูง 4. มีขี้ตาออกเป็นก้อน - สภาวะตับเสื่อม ทำงานขับพิษได้ไม่ดี 5. น้ำตาไหล เจ็บไหล่ซ้ายมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย - สภาวะปอดเสื่อม ระบบหายใจไม่ดี 6. ปวดไหล่ขวา มีขี้ตาออก – สภาวะปอดเสื่อม 7. น้ำมูกใส ๆ ไหลตลอดประมาณ 3-5 วัน - เป็นภูมิแพ้ , โรคไซนัส, ทางเดินหายใจอักเสบ 8. เสมหะมาก คอแห้งผาก - ระบบหลอดลม , ทางเดินหายใจ มีความสกปรก อุดตัน 9. หายใจถี่มาก ใจสั่น - มีสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ 10. จุกเสียดลิ้นปี่ หน้าอก - กระเพาะอาหาร , ลำไส้เล็กอักเสบ ระบบดูดซึมไม่ดี 11. จุกด้านหลัง,ท้องอืด,อึดอัด - ริดสีดวงทวาร การทำงานของระบบขับถ่ายและลำไส้ใหญ่ไม่ดี 12. ปวดเอว - เป็นโรคไต,ระบบขับถ่ายของเสียไม่ดี 13. ปวดหัวเหน่า - มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากเสื่อม 14. ปว...

กาแฟ Dx-Max แด๊กซิน

 วันนี้จะมาพูดถึงเรื่อง กาแฟ DX-Max 5 IN 1 ที่ผู้ชายหลายต่อหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นกาแฟสำหรับท่านชายหรือก่แฟสำหรับนกเขาไม่ขัน ดื่มแล้วทำให้ทนทาน ยืดเวลาแห่งความสุขอะไรประมาณนี้ จริงๆแล้วกาแฟตัวนี้ไม่ใช่กาแฟคนบ้ากามนะครับ คนธรรมดาก็ทานได้ สรรพคุณหลักของกาแฟ Dx-Max คือช่วยเรื่องขยายหลอดเลือดให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น และช่วยเสริมฮอร์โมนเพศชายให้รู้สึกสดชื่นไม่อ่อนเพลีย แต่ผลพลอยได้คือรู้สึกว่าสมรรณภาพทางเพศดีขึ้น(คนที่ดื่มบอก) ลองมาทำความรู้จักกาแฟ แด๊กซิน 5 in 1 กล่องสีสดใสตัวนี้กันนะครับ 1 กล่อง 10 ซอง ไม่แนะนำให้ทานทุกวันเพราะราคาค่อนข้างแพง ซองสวยมากดูแล้วเหนือกว่าซองกาแฟทั่วไป 1 ซองมี 20 กรัม สำหรับผมชอบทานผสมกับกาแฟดำแด๊กซิน 1 ซอง บวกกับ กาแฟ dxmax 3 ช้อนชา ประหยัดดี   ลองมาดูส่วนผสมสำหรับกาแฟเพื่อสุขภาพแด๊กซินตัวนี้นะครับ: 1: ตงกัตอาลี 2: Maca (มาค่า โสมเปรู)  3: Damiana สมุนไพรจาก Mexico 4: Tribulus 5: เห็ดหลินจือ ตงกัตอาลี ...สมุน ไพรชั้นยอดของมาเลเซีย และผ่านการจดสิทธิบัตรที่ปร ...

โกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone)

 ฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการหมุนเข็มนาฬิกาชีวิตกลับมา มีชื่อว่าโกรท ฮอร์โมนซึ่งเป็น “Master Hormone” หรือฮอร์โมนหลักของร่างกาย เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกันทุกระบบ และทุกการทำงานของร่างกาย มีหน้าที่ในการสร้างเนื้อเยื่อ และควบคุมการทำงานของเนื้อเยื่อ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตในวัยที่ยังโตไม่เต็มที่ และสร้างเนื้อเยื่อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย นอกจากนี้ ยังเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน ระดับโกรทฮอร์โมนในร่างกายของมนุษย์ จะถึงจุดสูงสุดเมื่อมนุษย์ย่างเข้าสู่วัยรุ่น หลังจากคนมีอายุได้ 20 ปี การผลิตโกรท ฮอร์โมนจะลดลงด้วยอัตรา 14% ทุก 10 ปี เมื่อคนเรามีอายุ 60 ปี ระดับของโกรท ฮอร์โมนในร่างกายจะมีประมาณ 25% ระดับที่เคยผลิตได้สูงสุด อาการของโกรท ฮอร์โมน ที่ลดลง สังเกตได้ตั้งแต่ กล้ามเนื้อน้อยลง ไขมันเพิ่มขึ้น ลงพุง กระดูกผุ กระดูกพรุน ไต กับปอด ทำงานไม่ดี ผิวเหี่ยวชราลง ผมหงอก ร่างกายเสื่อมสภาพลง เข้าสู่สภาวะของความแก่ชรา อวัยวะที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการลดลงของระดับโกรท ฮอร์โมน คือ หัวใจ ที่สำคัญที่สุดในร่างกาย เมื่อระดับโกรท ฮอร์โมนต่ำลง คนจะมีอัตราเสี่...